Home สุตฮิต แรงร่างกายไม่เท่าไหร่ แรงใจสำคัญกว่า พิชิตภูกระดึง!

แรงร่างกายไม่เท่าไหร่ แรงใจสำคัญกว่า พิชิตภูกระดึง!

by Napat Thousand Mile

การออกเดินทางในครั้งนี้พวกเรามีความตั้งใจว่า “พวกเราจะพิซิตภูกระดึง” เชื่อว่าหลายคนคงได้ฟังคนอื่น ๆ พูดถึงความประทับของที่นี่อยู่บ่อยครั้งเราเองก็เคยได้ยินเช่นกัน ก็แปลกใจนะแค่การเดินขึ้นเขา นั้นมีอะไรให้ใครหลายๆคนประทับใจ และอยากที่จะไปที่นี่กันนักหนา และนี้คือสาเหตุที่พวกเราอยากจะไปพิชิตภูกระดึงซักครั้ง

พวกเราวางแผนกันไว้ว่าครั้งนี้เราจะไปกันทั้งหมด 3 วัน 2 คืน เวลาน่าจะกำลังดี ที่จะให้พวกเราได้พบ ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ พอสมควรครั้งนี้เราเดินทางด้วยรถ Toyota Ch-r ออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ก็ขับกันไปเรื่อย ๆ แวะพักรถกันบ้าง โดยถึงที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตอนประมาณ 7 โมงเช้า เราก็ทำเรื่องจองเต็นท์ จองบ้านพัก มาถึงอันดับแรกเลยมาจองเต็นท์ กันก่อนนะเพื่อน ๆ อย่าพึ่งเดินขึ้นกันนะ พอได้ที่พักแล้วก็เดินไปตรงจุดชั่งน้ำหนัก เพื่อจ้างลูกหาบกันต่อค่าลูกหาบก็ 30 บาท/ กิโลกรัมหรือถ้าใครเก่งกล้าสามารถที่จะแบกขึ้นไปเอง ก็ไม่ต้องมาชั่งน้ำหนักเด้อ

พร้อมแล้วไปกันเลยดีกว่า อย่าลืมไปหยิบไม้วิเศษกันด้วยละ มันช่วยเราได้จริง ๆ นะเวลาเดินขึ้นเขา ทีแรกเราก็จะไม่เอาเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าขึ้นไปแล้วไม่มี แล้วมันช่วยได้จะทำอย่างไงดี ก็เลยเอาติดตัวมาก่อนคนพร้อม ตัวช่วยพร้อม ไปกันเลยจ้า ภาพตัดมาไม่กี่นาทีขอนั่งหอบก่อนละกัน แกรมันเหนื่อยจริง ๆ เว้ย เดินได้แปบเดียวจริง ๆ 55555555555 กว่าจะถึงแต่ละซำ อย่างซำแฮกไม่รู้หลอกนะว่าแปลว่าอะไรแต่แบบวัดใจกันตั้งแต่ซำแรกเลยจ้า เดินต่อเรื่อย ๆ ทำไมยิ่งเดินเหมือนยิ่งไกล คือตอนกำลังเดินขึ้นภูกระดึงนะ อยู่เพลง ไกลแค่ไหน คือ ใกล้ ของ Getsunova ดังอยู่ในหัวตลอดเวลา โดยเฉพาะท่อนนี้ “แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักทีแต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร” เดินบ้าง พักบ้าง เดินมาเรื่อย ๆ จนถึง ซำแคร่ เพื่อจะเดินขึ้นไปหลังแปแกรรร มันยิ่งกว่าซำไหน ๆ เลย ทั้งทางล่าชัน ทั้งปีนป่าย ต้องแข่งกับเวลาอีกเพราะเราเริ่มเดินกัน 9 โมง มาถึงซำแคร่ก็เกือบ ๆ 4 โมง แต่ด้วยความที่อยู่ในป่ามันก็จะดูมืด ๆ หน่อย แต่ไม่ต้องกลัวนะว่ามาคนเดียวแล้วจะเดินขึ้นคนเดียวไม่ได้ เพราะระหว่างทางที่เราขึ้นไปเราจะพบเจอกับเพื่อน ๆ มากหมายที่มีจุดมุ่งมายเดียวกับเรา หรือลูกหาบที่เดินเปิดเพลงกันลั่นป่า เดินขึ้นลงสลับกันไปมาตลอดระยะเส้นทาง ก็ได้เปลี่ยนฟิลการเดินเดินป่าไปอีกแบบ และแล้วพวกก็เดินกันจนมาถึงแล้วป้าย ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง เอาหละ! มาถึงจุดนี้แล้วไม่ถ่ายรูปก็จะแปลกไปเนอะเอาหน่อยละกัน มาถึงหลังแปแล้วอย่าพึ่งดีใจไปทุกคน เราจะต้องเดินเท้าต่ออีก 3500 เมตร เพื่อไปที่ ศูนย์บริการวังกวาง แต่จากตรงนี้เดินสบาย ๆ ละ ไม่ต้องปีนปาย เมื่อถึงศูนย์บริการวังกวาง เราก็จะต้องไปติดต่อเช่า ผ้าปูรองนอน หมอน และก็ถุงนอนกันก่อนนะจ้ะ หรือถ้าใครแบกขึ้นมาครบก็ไม่ต้องไปแค่ติดต่อเรื่องเต็นท์กับที่พักพอ ขึ้นมาบนนี้เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงเลย ของกินเยอะแยะมากมายเลือกไม่ถูกเลยแหละ

มุมถ่ายรูปที่ไม่ว่าใครก็ห้ามพลาด
อาทิตย์อัสดง

เช้าวันต่อมาเราออกเดินทางกันต่อเพื่อตามหาใบเมเปิ้ลสีแดงพวกเราเลือกไปกันที่น้ำตกถ้ำใหญ่ เพราะที่นี่มีต้นเมเปิ้ลเยอะ และชอบตรงที่น้ำตกถ้ำใหญ่มีมอสขึ้นอยู่ตามโขดหิน เห็นจากในรูปนี้สวยมาก พวกเราเลยเลือกเดินไปที่น้ำตกแห่งนี้ แต่ช่วงที่เราไปใบเมเปิ้ลยังไม่เริ่มแดงเราเลยได้แค่บางใบที่มันแดง ไม่เป็นไรไปกันต่อดีกว่า เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ตรงนี้เป็นจุดไฮไลท์เลยแหละ เชื่อเลยว่าใครขึ้นมาแล้วจะต้องมาดูหระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักให้ได้ ระหว่างที่เราเดินไปจนถึงผาหล่มสัก เราก็จะผ่านผาต่าง ๆมากมาย ผาหมากดูก ผาจำศีล ผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง โดยแต่ละผาก็จะมีมความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป จนมาถึงผาหล่มสัก ที่ผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ สวยงามจริง ๆ การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองกับตอนเห็นในรูปภาพ มันช่างแตกต่างกันจริง ๆ

ใบเมเปิ้ลสีแดง

Related Articles

Leave a Comment